ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ตั้งแต่ต้นเทอม ม.5 คุณครูปทุมา เชยชัยภูมิ ก็ได้แนะนำให้รู้จักกับโครงการเยาวชนแลกเปลี่ยน ECE และก็ได้ลองเข้าสอบดู ผลปรากฏว่าก็สอบติดค่ะ แต่อันดับไม่ค่อยดี ไม่อยากให้ครอบครัวต้องจ่ายเงินมาก ก็เลยวางแผนไว้ว่าจะลองสอบใหม่ดูก่อนซึ่งก็โชคดีมากที่สามารถสอบได้ทุนเต็มจำนวน ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศนิวซีแลนด์เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ จริงๆ ก็คือเราก็ต้องจ่ายเองบ้างในส่วนที่สมควร พวกค่าใช้จ่ายเฉพาะตัว แต่เมื่อเทียบกับที่เพื่อนจ่ายแล้วก็คุ้มมากค่ะ แต่ต่อให้ต้องจ่ายมากขนาดไหนหนูว่ามันก็คุ้มมากค่ะที่ได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้
การไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้ หนูและเพื่อนที่ไปด้วยกันอีกคนหนึ่งได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับโฮสต์แฟมิลีถึง 2 ครอบครัวซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก แต่ทั้งสองครอบครัวนี้ก็ดูแลเราดีมาก ครอบครัวแรกเป็นเหมือนตัวแทนของคนผิวขาวสมัยก่อน คือเขาจะมีแบบแผนที่ชัดเจน เช่น มื้อเย็นต้องกินอาหารที่โต๊ะอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เช้าวันอาทิตย์เป็นวันสำหรับการซื้ออาหารและของใช้สำหรับทั้งอาทิตย์ และการใช้จักรยานและรถโดยสารสาธารณะไปทำงานแทนการใช้รถส่วนตัว ซึ่งหนูก็ได้มีโอกาสใช้รถโดยสารสาธารณะไปโรงเรียนทุกวัน คนขับรถขับดีมากค่ะ เขาจะรอจนกว่าผู้โดยสารจะขึ้นลงเสร็จก่อนค่อยออกรถ และระบบโดยสารสาธารณะของที่นี่จะมีตารางเวลาชัดเจน รถก็จะมาตรงเวลามาก และมาบ่อยทำให้คนไม่พลุกพล่าน กลับไปเรื่องของครอบครัวแรก ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นระเบียบและมีวินัย แต่เขาก็เป็นกันเองมาก เขาเตือนเรื่องที่เราต้องระวังทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องถาม แต่ถ้าเราสงสัยก็ถามไปเลยค่ะเขาจะตอบอย่างเต็มใจมาก เขาให้อิสระพวกหนูมากในการไปเที่ยวกับเพื่อน ขอแค่กลับบ้านไม่เย็นค่ำมาก และกิจกรรมหลังมื้อเย็นเขาก็ชวนเราทำร่วมกันตลอด เช่น การดูหนัง หรือ พูดคุยเรื่องชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เป็นการช่วยฝึกภาษาอังกฤษที่ดีมาก 5 วันที่อยู่กับครอบครัวนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก
ที่มีการผสมผสานกันของวัฒนธรรมจากหลายประเทศ สาเหตุหลักคือ แม่ของเขาเป็นคนฟิลิปปินส์ที่สำเนียงภาษาอังกฤษดีมากและชอบทำอาหารเอเชียมาก หนูกับเพื่อนได้กินข้าวเกือบทุกวันซึ่งโชคดีมาก เขามีลูกสาว 2 คน อายุ 5 ขวบ และ 3 ขวบ เด็กๆ น่ารักมาก อาจจะดื้อบ้าง แต่ก็ชอบมาเล่นด้วยทุกวัน ทำให้ไม่เบื่อ พ่อและแม่ก็ใจดี เป็นกันเอง ชอบพูดเล่นกันเองและกับพวกเรา ทำให้ได้เรียนรู้คำแสลงและได้ฝึกฟังการพูดที่รวดเร็วของชาวนิวซีแลนด์
ในบ้านนี้เราไม่ต้องกินมื้อเย็นพร้อมกันก็ได้ เขาไม่มีโต๊ะอาหารที่ชัดเจน ขอแค่เรากินอาหารครบทุกมื้อก็พอ แต่ส่วนใหญ่พวกหนูก็มักจะกินอาหารพร้อมน้องและนั่งดูการ์ตูนด้วยกัน แม่ซึ่งรู้ถึงความแตกต่างระหว่างค่านิยมของชาวเอเชียกับของที่นี่ดีก็มักจะมีเรื่องราวมาเล่าเสมอ ทั้งเรื่องลักษณะการเรียนของลูกสาววัย 5 ขวบที่เล่นทั้งวันในโรงเรียน และเรียนยิมนาสติกเป็นการเรียนพิเศษ ซึ่งหาได้ยากในสังคมชาวเอเชีย เขาจะพาเราไปเกือบทุกที่ที่เขาไป ทั้งซื้อของ ซื้อเสื้อผ้า ไปรับลูก แต่เขาก็จะถามก่อนเสมอว่าเราอยากไปมั้ย ซึ่งหนูจะพยายามไปตลอดเพราะมันจะเป็นเวลาที่มีค่ามากตอนที่หวนกลับมานึกถึง
ต่อมาคือเรื่องโรงเรียน โรงเรียนที่หนูได้ไปคือ St Catherine College เป็นโรงเรียนคริสต์สำหรับนักเรียนหญิงล้วน แต่นักเรียนหญิงของเขาทำได้ทุกอย่าง แรงเยอะมาก และดูแลตัวเองได้ดีมาก สำหรับโรงเรียนนี้เป็นครั้งแรกที่เขารับดูแลนักเรียนจากโครงการ ECE มันก็ยากที่จะไม่มีเรื่องผิดพลาดและการเข้าใจผิดเพราะการสื่อสาร ซึ่งเราก็ไม่สามารถพึ่งพาคุณครูที่พาไปตลอดเวลาได้ เราต้องพึ่งตนเองด้วย สื่อสารให้เขาเข้าใจในเหตุผลของเราถ้าเขาพร้อมที่จะรับฟัง และก็ต้องฟังเหตุผลของเขาด้วย ชีวิตที่โรงเรียนก็จะได้อยู่กับบัดดี้เกือบตลอดเวลา และเขาก็เข้าใจเรามาก เขาอยากให้เราใช้เวลาอย่างสนุก บางทีตอนเข้าเรียนเราก็แทบจะไม่ได้ทำอะไร เพราะเราไม่ได้เรียนมากับเขาตั้งแต่แรก แต่การไปนั่งเฉยๆ มันก็ให้เวลาเราในการสังเกตลักษณะการเรียนการสอนของเขา เปรียบเทียบกับของเราเอง บางครั้งคุณครูของเขาก็เข้ามาชวนคุยด้วยซึ่งก็เป็นประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง
คาบเรียนที่ประทับใจมากคือ การวางแผนการไปเที่ยวกันของนักเรียน เพราะนักเรียนจะได้ทำการวางแผนด้วยตนเองตั้งแต่ขั้นทำเอกสารของบประมาณ ติดต่อเรื่องรถสำหรับการเดินทาง ทำการจองที่พัก ไปจนถึงระหว่างการเดินทางที่ต้องดูแลตนเอง ขั้นตอนเหล่านี้ก็จะมีคุณครูให้คำแนะนำตลอด มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างนักเรียนและคุณครูที่หาได้ยากมากในโรงเรียนทั่วไป
การเดินทางครั้งนี้นอกจากจะทำให้เรารู้จักสิ่งใหม่ๆ ไกลถึงต่างประเทศ เรายังได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่สามารถสนิทกันได้ภายในเวลาแค่ 3 อาทิตย์ มันเป็นเพราะเราผ่านอะไรด้วยกันมามากในเวลาที่อยู่ด้วยกันนี้ ไปเที่ยวด้วยกันก็หลายที่ทำให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เวลาใครมีปัญหาก็จะเอามาเล่าให้กันฟังแล้วก็ช่วยกันแก้ ใครทำตัวไม่ดีเราก็เตือนกัน ซึ่งแน่นอนค่ะ ว่ามันต้องมีผิดใจกันบ้าง แต่เพราะเรามีกันแค่นั้น ก็โกรธกันได้ไม่นานหรอกค่ะ มันถือเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้ฝึกปรับตัวเข้ากับคนอื่นเยอะมาก แล้วก็ได้เพื่อนดีๆ กลับมาเยอะมากเลยค่ะ
ขอสารภาพว่าก่อนไปก็มีความกลัวอยู่ เพราะถึงแม้เราจะใช้ภาษาอังกฤษในระดับที่สื่อสารได้ ไม่น่าจะทำให้ใครเข้าใจผิด และเราก็เคยไปแลกเปลี่ยนที่ฮ่องกงมาก่อนเป็นระยะเวลา 1 อาทิตย์ แต่ด้วยความที่เป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก ก็กลัวว่าโฮสต์จะไม่ชอบ กลัวว่าจะพูดไม่เก่งเท่าเพื่อนอีกคนที่อยู่ด้วยกัน ตอนแรกที่ไปก็เลยกังวลแล้วก็จะเกร็งๆ หน่อย แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะทำกิจกรรมร่วมกับเขาถ้าทำได้ แล้วหนูว่าทุกคนรู้สึกได้ถึงความตั้งใจจริงๆ อีกอย่าง คือ หนูเป็นคนพูดตรงมากซึ่งบางครั้งอาจทำให้ในตอนแรกเพื่อนเข้าใจผิด แต่พออยู่กันไปสักพักเขาก็เข้าใจว่าเราไม่ได้เจตนาไม่ดี เราแค่พูดในสิ่งที่คิด ถ้าเขาคิดต่างเขาก็จะบอกมาเอง เรื่องที่โรงเรียนก็มีปัญหาอยู่บ้าง เพราะการสื่อสารและสื่อกลางที่ไม่ค่อยดี แต่ปัญหามีไว้แก้ไข หลายคนที่อ่านอาจจะคิดว่าเพราะหนูเก่งภาษา การอยู่ที่นี่เลยดูง่ายไปหมด ไม่ต้องกลัวเรื่องการสื่อสารอะไรเลย คิดอะไรก็พูดได้ แต่เพื่อนหลายคนที่มาด้วยกันก็ยังมีปัญหาอยู่ แต่เพื่อนก็บอกว่าเขารู้สึกดีมากที่ถึงแม้ว่าเขาจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง คนอื่นก็ตั้งใจฟัง และพยายามทำความเข้าใจ บัดดี้ก็โหลดแอปแปลภาษามาจะได้คุยกันรู้เรื่อง คือเราไม่ต้องกลัวเลยว่าจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง เพราะเขาเข้าใจและพยายามคุยกับเรา ซึ่งเพื่อนก็บอกว่า พอผ่านไป 3 อาทิตย์ แล้วเข้าใจภาษาอังกฤษขึ้นมาก ได้ความรู้กลับไปเยอะเลย