ปีนี้อายุ 15 แล้วค่ะ ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนศิลป์-ภาษาจีน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ดิฉันได้เดินทางไปศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เมือง Maungaturoto ตั้งอยู่ที่เกาะเหนือ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2562 ถึงวันที่ 11 เมษายน 2562 ค่ะ
ความงดงามของธรรมชาติ อากาศที่บริสุทธิ์ และผู้คนที่อัธยาศัยดีนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจเลือกไปประเทศนิวซีแลนด์ เมืองที่ดิฉันได้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนั้นเป็นเมืองเล็กๆ ห่างจาก Auckland International Airport เกือบสี่ชั่วโมง มีประชากรในเมืองอยู่ไม่ถึง 500 คน ภูมิประเทศโดยมากเป็นเนินเขา มีทุ่งหญ้า พรรณไม้มากมาย เป็นสีเขียวขจีแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง ดูๆไปแล้ว ทั้งเมืองนั้นมีจำนวนสัตว์ เช่น แกะ แพะ ม้า หรือ วัว มากกว่ามนุษย์เสียอีก เมื่อแหงนหน้ามองบนฟ้า ก็สวยสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว ท้องฟ้าในตอนกลางคืนนั้นมีเมฆน้อยมาก รวมทั้งแสงไฟในเมืองที่น้อย ทำให้เห็นแสงดาวได้ชัดเจน โดยส่วนตัว ดิฉันชอบที่จะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รวมทั้งถ่ายรูปบันทึกความทรงจำในที่ต่างๆ ที่ดิฉันได้ไปเยือน นิวซีแลนด์จึงเป็นเสมือนสรวงสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับดิฉันชื่อโครงการเยาวชนอีซีอี. แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้ ดิฉันได้ยินได้ฟังมานานแล้ว ไม่ว่าจะจากครู เพื่อนๆ หรือในโซเชียลมีเดียก็ตาม ทำให้ดิฉันมั่นใจในศักยภาพของโครงการ เมื่อทางโครงการเปิดรับสมัครสอบชิงทุนไปศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ดิฉันจึงสมัครสอบโดยไม่ลังเล
จนถึงตอนนี้ ดิฉันก็ยังคงจำทุกอย่างได้ชัดเจนราวกับมันพึ่งผ่านไปเมื่อวาน ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนเรานั่งอยู่บนเครื่องบิน ใส่เสื้อเหมือนกัน แต่ยังไม่สนิทกับเพื่อนข้างๆเลย เรานั่งกันเกร็งมาก ลุกเข้าห้องน้ำอย่างสุภาพที่สุด เดินชนเพื่อน ก็แทบยกมือไหว้ขอโทษ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนที่เราสนิทด้วยมากๆ จนไม่อยากจะจากกันในวันกลับ
วันแรกที่มาถึงนิวซีแลนด์ พวกเราเหนื่อยกันมาก เพราะมันเป็นการเดินทางอันยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง โฮสแฟมิลี่ของดิฉันมีสมาชิกรวมทั้งหมด 2 คน 4 ตัว ได้แก่ โฮสแด๊ดชาวอังกฤษ โฮสมัมชาวเกาหลี เจ้าแพะสองตัว ชื่อมอคค่า และ คาปูชิโน่ ตามสีของพวกมัน แมวอีกสองตัว ชื่อมูส และ เพอร์ซี่ ทุกคนและทุกตัวน่ารักมากๆ โฮสของดิฉันเป็นมังสวิรัติ ถึงอย่างนั้น ในทุกๆมื้ออาหารของเราก็มีเนื้อสัตว์ประกอบเสมอ ทั้งยังมีโอกาสได้ทานอาหารเกาหลีต้นตำรับที่โฮสทำด้วย โฮสเอาใจใส่มากๆ ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับตัวของดิฉันกับน้องอีกคนที่อยู่บ้านเดียวกัน เรื่องอาหารการกิน เรื่องที่โรงเรียน หรือกระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างแมลงเล็กๆในห้อง โฮสก็เตรียมยาไล่ไว้ให้ วันไหนที่หนาวมากๆ โฮสมัมจะทำถุงน้ำร้อนให้ไว้ใส่ในเตียง ทำให้ร่างกายอบอุ่นตอนนอน โฮสแด๊ดเป็นคุณครูในโรงเรียนที่ดิฉันได้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ทำให้สามารถเดินทางออกจากบ้านพร้อมโฮสได้เลย บ้านเราอยู่บนเนินเขา ไกลจากโรงเรียน โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่ฉันไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายเลย
ช่วงเวลายาวนานบนรถในตอนเช้าของทุกๆวัน ทำให้ฉันได้ซึมซับบรรยากาศตอนที่แสงสีทองๆของดวงอาทิตย์ค่อยๆผ่านพ้นทะเลหมอก วันไหนที่ท้องฟ้าตอนเช้ามีแสงสีสวยๆ โฮสมักจะหยุดรถให้ฉันได้ลงจากรถ ไปเก็บภาพสวยๆ จากเนินเขาเสมอ แทบทุกเวลา ชีวิตของพวกเราจะมีเสียงดนตรีคลาสสิกคลอไปด้วยเสมอ โฮสแฟมิลี่ของเราชอบที่จะเปิดมันในทุกโอกาส รวมถึงตอนทานข้าวด้วย พวกเขาบอกว่า มันช่วยสร้างบรรยากาศ ทำให้อารมณ์ดี และจิตใจปลอดโปร่ง ซึ่งดิฉันก็ชอบมันมากๆ ด้วย
สำหรับ 1 วันในโรงเรียนนั้น เต็มไปด้วยสิ่งใหม่ๆ ให้ได้เรียนรู้เสมอ ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ด้านวิชาการ แต่เป็นความต่างของวัฒนธรรมที่สวยงาม ดิฉันได้พบเจอเพื่อนใหม่มากมาย พวกเราต่างกัน แต่พร้อมที่จะเรียนรู้กันและกัน การได้เรียนรู้ชีวิตในอีก 1 ทวีป เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก
โรงเรียนจัดบัดดี้ให้คู่กับเด็กไทยทุกคนด้วย กับบัดดี้ของดิฉัน เราเข้ากันได้ดีมากๆ มีหลายอย่างที่เราชอบเหมือนๆกัน ทำให้มีเรื่องคุยกันตลอด โฮสของเราเตรียมอาหารกลางวันให้เสมอ มีครบจนแทบจะเกินอิ่ม ทั้งแซนด์วิซ ขนม น้ำ ผลไม้ และอีกมากมาย ทางโรงเรียนจัดตารางให้เราได้เข้าร่วมคลาสกับบัดดี้ บางคาบก็เป็นการศึกษาวัฒนธรรมของชาวเมารี ซึ่งเป็นชนดั้งเดิมในพื้นที่นิวซีแลนด์ รวมทั้งเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมหลายๆอย่างในนิวซีแลนด์ด้วย ดิฉันมีโอกาสได้เรียนภาษาเมารีเบื้องต้นกับนักเรียนชาวเมารี พวกเขาน่ารักมากๆ ร่าเริง และ ร้องรำทำเพลงเก่ง พวกเขาทำการแสดงของชาวเมารีด้วย ตอนที่เราใกล้จะต้องกลับประเทศ มันงดงามมาก เข้มแข็ง แต่ก็อ่อนหวาน ไพเราะแต่เจือไปด้วยความขึงขังในที นึกย้อนกลับไปกี่ครั้ง ก็ยังประทับใจอยู่ไม่เคยเลือน และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราก็ต้องแสดงวัฒนธรรมไทยด้วยเช่นกัน โดยทำการแสดงในวันไทยไนท์ ซึ่งเป็นอีกวันที่พวกเรามีความทรงจำดีๆร่วมกัน