ฮองงิ (Hongi)

          ชาวเมารี มีวิธีการทักทายหรือต้อนรับแขกผู้มาเยียนเพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรไมตรี ที่เปรียบเสมือนการไหว้ของคนไทย และเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ที่เรียกว่า ฮองงิ โดยวันนี้น้องเจนจะมาเล่าประสบการณ์ และบอกต่อวัฒนธรรมที่น่าสนใจจากการไปแลกเปลี่ยนที่นิวซีแลนด์ กับโครงการเยาวชนอีซีอี. และน้องเจนก็เคยได้ ฮองงิ กับชาวเมารีมาแล้วอีกด้วย ซึ่งการไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ทำให้น้องเจนชื่นชอบ และหลงใหลในวัฒนธรรมของชาวเมารีมากๆ จึงเขียนบทความนี้เพื่อให้ทุกคนได้อ่านกันค่า

          ครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่เมือง KatiKati ประเทศนิวซีแลนด์ กับโครงการเยาวชนอีซีอี แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เป็นเวลา 9 สัปดาห์ ทำให้ผู้เขียนมีความชอบและหลงใหลในวัฒนธรรมของชาวเมารี จนถึงขั้นซื้อของฝากจำพวกสร้อย พวงกุญแจหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเมารีติดไม้ติดมือกลับมายังประเทศไทย จึงอยากบอกต่อวัฒนธรรมที่น่าสนใจนี้ให้แก่ผู้อ่านทุกคน

          ประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ที่ถูกปกครองโดยชาวเมารี ซึ่งเป็นชนเผ่าแรกที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่เกาะนิวซีแลนด์เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว พวกเขาเรียกหมู่เกาะนิวซีแลนด์นี้ว่า “Aotearoa” ซึ่งมีความหมายว่า “ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว”

ภาพจาก https://www.sarakadeelite.com/arts_and_culture/moko-maori-tattoo/

          เมารี คือชาวกลุ่มโพลินิเชียนที่ถือว่าเป็นชนเผ่าพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ที่มีประเพณีและวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับชาวฮาวาย เพราะวัฒนธรรมของชาวโพลินิเชียนนั้นแพร่กระจายอยู่ตามเกาะต่างๆในทะเลแปซิฟิก โดยหลังจากชาวเมารีอพยพมายังเกาะนิวซีแลนด์แล้วก็ได้พัฒนารูปแบบวัฒนธรรมท้องถิ่นในแบบของตัวเอง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวเกาะและถือเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งตำนาน เรื่องเล่า บทเพลง รวมถึงการแสดงต่างๆ เช่น การเต้นรำ Haka เป็นการขับร้องประสานเสียงและใช้อาวุธกระทุ้ง พร้อมแสดงสีหน้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงการข่มขวัญศัตรู และร้องขอพรเพื่อให้ได้ชัยชนะ ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าชาวเมารีเองนั้นมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และภาษาเป็นของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมและภาษาเมารีที่มีเอกลักษณ์นี้ไว้ ผ่านการแสดงในพิธีต่างๆ รวมถึงยังมีการเรียนการสอนวิชาภาษาเมารีเพื่อจะยังคงสามารถสืบทอดวัฒนธรรมและภาษาเมารีได้ต่อไป

          วัฒนธรรมที่ผู้เขียนประทับใจและรู้สึกว่าเป็นวัฒนธรรมที่แปลกใหม่และไม่ได้มีโอกาสเห็นมาก่อน คือวัฒนธรรมการทักทายของชาวเมารีที่ใครเห็นก็ต้องสงสัยเมื่อไปเยือนประเทศนิวซีแลนด์ เปรียบเสมือนการไหว้ของคนไทยซึ่งวัฒนธรรมการทักทายที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเมารีนี้เรียกว่า “ ฮองงิ (Hongi) ” เป็นการทักทายต้อนรับแขกผู้มาเยือน เพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรไมตรี โดยการจรดหน้าผากและจมูกชนกัน เปรียบเหมือนการแลกเปลี่ยนลมหายใจซึ่งกันและกัน เพราะชาวเมารีมีความเชื่อว่าลมหายใจเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้และยังเชื่อว่าเหมือนเป็นการแบ่งจิตวิญญาณของทั้ง 2 ฝ่าย

          การทักทายของชาวเมารี หรือที่เรียกว่า “ ฮองงิ ( Hongi ) ” นี้ไม่ได้เป็นเพียงการทักทายกันในกลุ่มคนธรรมดา หรือเพียงแค่ชาวเมารีด้วยกันเท่านั้น แต่เป็นการทักทายที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์อีกด้วย ซึ่งในเชื้อพระวงศ์ระดับสูงอย่างกษัตริย์จากประเทศต่างๆเมื่อมาเยือนประเทศนิวซีแลนด์อย่าง เจ้าฟ้าชายชาร์ลแห่งราชอาณาจักรอังกฤษ เจ้าชายวิลเลียม แห่งราชอาณาจักรอังกฤษ กษัตริย์เนเธอร์แลนด์ วิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ต่างก็ได้รับการทักทายแบบฮองงินี้ด้วยเช่นกัน หรือในระดับผู้นำไทยอย่างนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายมุน แจ อิน และล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2564 นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียที่ได้เดินทางไปเยือนยังประเทศนิวซีแลนด์เพื่อพบปะกับนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์เป็นครั้งแรก ทันทีที่ทั้งคู่พบกันก็ได้ทักทายกันแบบฮองงิด้วย และยังรวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ไมเคิล แจ็คสัน เดวิด แบคแฮม ก็ได้มีโอกาสทักทายแบบฮองงินี้ด้วยเช่นกัน

ภาพจาก https://thespinoff.co.nz/books/01-06-2021/whats-a-hongi/

         ถึงแม้ในปัจจุบันการทักทายแบบชาวเมารีนี้จะลดน้อยลงเพราะมีกลุ่มคนผิวขาวเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์มากขึ้น และรูปแบบการทักทายของคนนิวซีแลนด์จึงเปลี่ยนไปตามแบบของตะวันตก แต่ชาวเมารีก็ยังคงสืบสานวัฒนธรรมของตนเองให้คงอยู่ โดยมีการปรับเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคและสังคมในปัจจุบัน โดยวัฒนธรรมการทักทายแบบชาวเมารี หรือ ฮองงิ นี้ยังคงมีให้เห็นในพิธีวาระสำคัญต่างๆ หรือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ต้องการแสดงถึงวัฒนธรรมของชาวเมารี รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังประเทศนิวซีแลนด์ และยังคงมีให้เห็นบ้างในยามที่ชาวเมารีทักทายกันเองในชีวิตประจำวัน

          นอกจากฮองงิ ที่เป็นวัฒนธรรมการทักทายของชาวเมารีโดยการจรดหน้าผากและจมูกชนกันแล้ว หากผู้อ่านได้ไปยังประเทศนิวซีแลนด์ ผู้อ่านจะต้องได้ยินคำทักทายที่นอกเหนือจากคำว่า Hello หรือ Hi ในภาษาอังกฤษแล้ว แน่นอนว่าผู้อ่านมักจะได้ยินคำว่า “ Kia Ora ( อ่านว่า เคีย-โอ-รา ) ” ซึ่งเป็นภาษาเมารี แปลว่า “ สวัสดี ” ปัจจุบันกลายเป็นคำทักทายที่ได้ยินบ่อยมากและสามารถใช้ได้ทั่วไปกับชาวนิวซีแลนด์ เพียงแค่พูดว่า Kia Ora ชาวนิวซีแลนด์ก็เข้าใจแล้วว่าเรากำลังทักทายพวกเขา

         วัฒนธรรมของชาวเมารีที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงวัฒนธรรมที่ผู้เขียนหยิบมาเขียนเพื่อยกตัวอย่างเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ววัฒนธรรมของชาวเมารี มีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ และหากใครกำลังสนใจที่จะมายังประเทศนิวซีแลนด์เพื่อท่องเที่ยว หรือเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมต่างๆ ผู้เขียนอยากจะบอกว่าประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมากด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ซึ่งแบ่งออกเป็นเกาะเหนือและเกาะใต้ รวมถึงเกาะเล็กๆอีกมากมาย โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบขนาดใหญ่ติดชายฝั่งทะเล ทำให้สามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ จากความรู้สึกของผู้เขียนเองรู้สึกได้ว่าการไปเหยียบประเทศนิวซีแลนด์ในครั้งนี้เหมือนได้พาตัวเองไปสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างกับได้ฟอกปอดกันเลยทีเดียว และหากกล่าวถึงชาวนิวซีแลนด์แล้วถือว่าเป็นผู้คนที่มีความเป็นมิตร อัธยาศัยดี อีกสิ่งที่น่าสนใจคือประเทศนิวซีแลนด์มีประชากรแกะมากกว่าประชากรคนหลายเท่าตัว ดังนั้นประเทศนิวซีแลนด์จึงเต็มไปด้วยแกะ ยิ่งขับรถผ่านในเมืองที่อยู่แถบชนบทก็จะเห็นว่าจะมีน้องแกะเดินอยู่เยอะมาก ประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่โดดเด่นในเรื่องของธรรมชาติ ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา ป่า หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆและอีกมากมาย ทั้งเกาะเหนือและเกาะใต้

          ประสบการณ์ไปแลกเปลี่ยนนิวซีแลนด์ในครั้งนี้ของผู้เขียนเองนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการไปเหยียบต่างประเทศ และถือเป็นการไปฝึกใช้ชีวิตด้วยตัวเองในต่างประเทศครั้งแรก ดีใจที่ครั้งหนึ่งได้ตัดสินใจไปแลกเปลี่ยนระยะสั้นกับโครงการเยาวชนอีซีอี แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพราะทำให้ผู้เขียนได้สัมผัสและได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายด้วยตัวเอง รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากขึ้น ได้เจอ Host family คุณครูรวมถึงเพื่อนๆที่น่ารัก คอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ และปัจจุบันยังคงพูดคุยกันอยู่ถึงแม้เวลาจะผ่านมา 4 ปีแล้ว พวกเขาทุกคนยังน่ารักกับผู้เขียนเสมอ

          หากใครกำลังลังเลหรือตัดสินใจว่าอยากจะไปแลกเปลี่ยนหรือไปศึกษาต่อประเทศไหน ก็อยากจะแนะนำประเทศนิวซีแลนด์เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ทั้งบรรยากาศ ผู้คน การศึกษา รวมถึงวัฒนธรรมต่างๆที่น่าสนใจ ผู้เขียนเองหากมีโอกาสได้ไปต่างประเทศอีกรอบก็แน่นอนว่าจะกลับไปเที่ยวที่นิวซีแลนด์ให้หนำใจกันไปเลยทีเดียว

 

ผู้เขียน
น.ส.เจษฎ์สิตา อิสริยาเรืองกุล (เจน)
เยาวชน ECE รุ่นที่ 45 ประเทศนิวซีแลนด์