6 วิธีฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งโดยไม่ต้องเรียน

          ปัจจุบันภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลางที่ใช้สื่อสารกันทั่วโลก ทำให้การศึกษาไทยจัดให้เด็กๆเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนจบระดับมัธยม และส่วนใหญ่ยังต้องใช้สอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัยด้วย ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า ปัจจุบันนอกจากภาษาไทยที่ใช้พูดกันในชีวิตประจำวันแล้ว ก็ยังมีภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการศึกษาและการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ปัญหาที่พบมากคือ การศึกษาของไทยอาจทำให้เด็กบางกลุ่มไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเพราะเบื่อการเรียนในห้องเรียน เนื้อหาที่ต้องจำเยอะ การไม่ได้ฝึกพูดบ่อยๆในชีวิตประจำวัน และอื่นๆ ทำให้น้องๆบางกลุ่มไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว วันนี้ผู้เขียนมีวิธีเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้กับน้องๆผู้อ่านทุกคนที่สนุกไม่น่าเบื่อ และแน่นอนว่าสามารถทำให้เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้นอีกด้วย

1. การฟังเพลงภาษาอังกฤษ

          การฟังเพลงภาษาอังกฤษบ่อยๆจะทำให้เรารู้จักกับคำศัพท์ใหม่ และเรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษไปในตัว หากมีคำศัพท์คำไหนไม่มั่นใจก็สามารถค้นหาคำแปลเพื่อจะได้เข้าใจคำศัพท์หรือประโยคนั้นๆมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีแอพพลิเคชั่นมากมายที่ให้เราฟังเพลงพร้อมกับมีเนื้อร้องของเพลงให้เห็นพร้อมกันไปด้วย นอกจาก Youtube แล้วยังมี Spotify JOOX Apple Music หรือช่องทางอื่นๆอีกมากมาย ผู้เขียนจึงอยากจะแนะนำเพลงภาษาอังกฤษที่กำลังเป็นที่นิยม และเป็นผลงานของศิลปินดัง รวมถึงยังเป็นเพลงที่มีความหมายดีอาจทำให้ผู้อ่านทุกคนอยากจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านการฟังเพลง ท่อนของเพลงที่ผู้เขียนหยิบมาแปลนี้เป็นเพลงโปรดที่ฟังทีไรก็รู้สึกว่าความหมายของเพลงดีมาก คือ เพลง This is how you fall in love – ศิลปิน Jeremy Zucker & Chelsea Cutler

This is how you fall in love.
( นี่คือการที่คุณตกหลุมรัก )
Let go and I’ll hold you up.
( ปล่อยเรื่องร้ายทิ้งไป และฉันจะกอดคุณไว้ )
So pull me tight and close your eyes.
( ดึงฉันไว้แน่นๆและหลับตาลง )
Oh my love side to side.
( ที่รัก เราจะอยู่เคียงข้างกัน )
“ What’s easy is right “ my mother’s advice.
(สิ่งที่ง่ายคือสิ่งที่ถูกต้อง คำแนะนำจากแม่ฉัน )

You are the reason I never think twice.
( คุณเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่ต้องคิดอะไรซ้ำสอง )
Wherever we go, what glitters is gold.
( ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน สิ่งที่ส่องประกายคือทอง )
You’ll be my best friend until we grow old.
( คุณจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันไปจนพวกเราแก่ )

          นอกจากเพลงที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้ว ยังมีเพลงความหมายดีจากศิลปินดังที่กำลังเป็นที่นิยม ที่เราสามารถไปฟังและฝึกภาษาอังกฤษได้ ผู้เขียนเองก็มีเพลงโปรดจะมาแนะนำผู้อ่านทุกคนเพราะเป็นเพลงที่ใช้ภาษาง่ายเข้าใจง่าย และแน่นอนว่าเป็นเพลงที่เมื่อแปลความหมายออกมาแล้วความหมายน่ารักมาก เช่น At my worst – ศิลปิน Pink sweat$ , Intention – ศิลปิน Justin Bieber และอีกมากมาย ใครที่ชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษนอกจากจะฝึกฟังให้คุ้นชินกับภาษาอังกฤษแล้ว อย่าลืมลองหาความหมายของเพลงดูนะคะ จะทำให้เราทั้งอ่านออกเข้าใจความหมายของคำหรือประโยคในภาษาอังกฤษมากขึ้น และแน่นอนว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย

          ปัจจุบันภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลางที่ใช้สื่อสารกันทั่วโลก ทำให้การศึกษาไทยจัดให้เด็กๆเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนจบระดับมัธยม และส่วนใหญ่ยังต้องใช้สอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัยด้วย ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า ปัจจุบันนอกจากภาษาไทยที่ใช้พูดกันในชีวิตประจำวันแล้ว ก็ยังมีภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการศึกษาและการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ปัญหาที่พบมากคือ การศึกษาของไทยอาจทำให้เด็กบางกลุ่มไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเพราะเบื่อการเรียนในห้องเรียน เนื้อหาที่ต้องจำเยอะ การไม่ได้ฝึกพูดบ่อยๆในชีวิตประจำวัน และอื่นๆ ทำให้น้องๆบางกลุ่มไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว วันนี้ผู้เขียนมีวิธีเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้กับน้องๆผู้อ่านทุกคนที่สนุกไม่น่าเบื่อ และแน่นอนว่าสามารถทำให้เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้นอีกด้วย

2. การดูหนังภาษาอังกฤษ

          การดูภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยม เพราะนอกจากเราจะได้ฟังภาษาอังกฤษแล้ว เราจะได้ฟังสำเนียงของเจ้าของภาษาเองอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Netflix Viu หรือช่องทางอื่นๆ ก็มีหนังสนุกๆมากมายให้รับชมกัน เทคนิคการดูหนังภาษาอังกฤษคือการดูด้วยระบบ Soundtrack หรือเสียงต้นฉบับ ไม่มีการพากย์เสียงภาษาไทยใดๆ หากเริ่มฝึกแรกๆและกลัวไม่เข้าใจความหมาย แนะนำว่าให้เปิดซับไทยอ่านควบคู่ไปด้วย จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาของหนังมากขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบดู Netflix เพราะมีหนังให้เลือกดูเยอะมาก ผู้เขียนมีหนังที่น่าสนใจมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกคนลองไปดู ทั้งหนังเก่าและหนังใหม่ และแน่นอนว่าเป็นหนังที่สนุกแถมยังทำให้เราฝึกภาษาอังกฤษได้ดีอีกด้วย หนังที่ผู้เขียนชอบดูบนNetflix และเหมาะกับผู้ที่กำลังเริ่มฝึกฟังภาษาอังกฤษ ผู้เขียนอยากจะแนะนำเรื่อง Charlie and the chocolate factory เป็นหนังเรื่องแรกๆที่ผู้เขียนบังคับตัวเองให้เลิกดูหนังแบบพากย์ไทย แล้วหันมาฟังแบบเสียงภาษาอังกฤษต้นฉบับแทน เรื่องนี้เป็นหนังที่เกี่ยวกับเด็กที่พยายามชิงเพื่อให้ได้มาซึ่ง Gold Ticket เป็นบัตรเข้าโรงงานช็อคโกแลตฟรี และเป็นโรงงานช็อคโกแลตที่แปลกมากๆ หนังเรื่องนี้ดูแล้วไม่เครียด คำศัพท์ในเรื่องเป็นคำศัพท์ที่ฟังง่าย และเข้าใจง่าย

ภาพจาก https://www.sarakadeelite.com/arts_and_culture/moko-maori-tattoo/

          และอีกเรื่องคือ The Kissing booth ทั้ง 3 ภาค เป็นหนังแนว High school ที่สนุกมาก พระเอกก็หล่อ นางเอกก็สวย เนื้อเรื่องดูแล้วไม่เครียด ด้วยความที่หนังเป็นแนว High school ส่วนใหญ่จึงจะเป็นบทสนทนาที่ตัวละครใช้พูดกับเพื่อนวัยรุ่น ไม่เน้นคำศัพท์ยาก สามารถนำบางประโยคมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ หลังๆหากผู้เขียนต้องการที่จะเพิ่มทักษะการฟังของตัวเอง ผู้เขียนจะปิดซับไทยแล้วใช้วิธีการลองพยายามฟังคำศัพท์หรือประโยคที่ตัวละครพูด อาจจะมีบางคำที่งงหรือสงสัยแต่สุดท้ายจะสามารถเข้าใจได้ด้วยการดูภาพ แล้วก็ค่อยลองเปิดซับไทยดูทีหลังเพื่อเช็คว่าที่เราได้ยินมันถูกหรือผิด อาจจะดูเหมือนใช้เวลานานแต่มันทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าทักษะการฟังของตัวเองดีขึ้น เพราะเป็นการเรียนที่ไม่เครียด ค่อยๆดู แถมหนังยังสนุกอีก ถ้าผู้เขียนว่างก็สามารถดูทั้งวันได้ จนตอนนี้ก็ติดนิสัยฟังเสียงต้นฉบับของหนังไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาษาที่ 3 เช่น ซีรี่ย์เกาหลี ผู้เขียนก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ ทำให้เกิดความคุ้นชินกับศัพท์บางคำในภาษาเกาหลีด้วย

          การเรียนภาษาอังกฤษผ่านการดูหนังนอกจากจะได้ความสนุกแล้วยังได้ความรู้ภาษาอังกฤษที่มาพร้อมกับสำเนียงภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาทำให้ในขณะที่เราพูดภาษาอังกฤษและใส่สำเนียงเข้าไปจะทำให้การพูดภาษาอังกฤษของเราน่าฟังมากยิ่งขึ้น การฝึกภาษาทั้ง 2 วิธีที่กล่าวมานี้สามารถช่วยให้น้องๆนักเรียน นักศึกษาหรือวัยทำงานที่ชอบใช้เวลาว่างพักผ่อนไปกับการดูหนังฟังเพลงได้เรียนรู้และฝึกการใช้ภาษาอังกฤษไปในตัว สามารถเพิ่มทักษะ ฟัง พูด อ่าน ได้ด้วยตัวเอง และหากฝึกฝนไปเรื่อยๆแน่นอนว่าทุกคนจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นอย่างแน่นอน

3.การเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมออนไลน์ (ECX)

          การเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนออนไลน์หรือ E-Cultural Exchange ที่จัดโดยโครงการเยาวชนอีซีอี แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สามารถเข้าร่วมได้ทุกเพศทุกวัย เพียงแค่มีอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์ พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเอง อีกทั้งยังสามารถเลือกประเทศที่สนใจจะเข้าร่วมได้อีกด้วย เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ หรือ ประเทศอังกฤษ เพราะปัจจุบันน้องๆหลายคนไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ซึ่งการเปิดโอกาสให้ตนเองได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ดีต่อการพัฒนาทักษะด้านภาษา การเข้าร่วมโครงการทำให้เราได้เรียนรู้กิจกรรมการเดินทางไปต่างประเทศเสมือนจริงละเอียดครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การกรอกวีซ่าด้วยตัวเอง การสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และขั้นตอนอื่นๆ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าหากในอนาคตประเทศเปิดสามารถเดินทางได้จริง ได้พูดคุยกับชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของภาษา ได้เพื่อนใหม่ที่เป็นชาวต่างชาติ และ รวมถึงได้ทำกิจกรรมที่ทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น การช่วยกันนำเสนอวัฒนธรรม ประเพณี ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยร่วมกับเพื่อนในกลุ่มให้แก่คุณครูและเพื่อนๆจากโรงเรียนต่างประเทศ

          โครงการ E-Cultural Exchange ทำให้เราได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น สามารถพัฒนาทักษะด้านการพูดและการฟัง ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ ฝึกการทำงานรวมกับเพื่อนๆในกลุ่ม และการได้พูดคุยกับ Host Family เกี่ยวกับการอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ การเรียนการสอนของโรงเรียนต่างประเทศ เราจะได้มองเห็นถึงมุมมองที่แตกต่างจากประเทศไทย นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ของการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ในสถานการณ์การระบาดของ โควิด-19 ที่ไม่สามารถเดินทางไปทำกิจกรรมในต่างประเทศได้จริง และเมื่อผ่านทุกขั้นตอนของโครงการฯตามที่กำหนด ผู้เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตรจากโครงการเยาวชนอีซีอี. แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีกด้วย

4.การเรียนภาษาอังกฤษผ่าน TED Talks

          การเรียนภาษาอังกฤษผ่านการดูคลิป TED Talks เป็นอีกวิธีที่ทำให้เราฝึกฟังและเรียนรู้เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษซึ่ง “ TED Talks ” คือ เวทีทอล์คจากผู้เชี่ยวชาญที่นำเรื่องราว ความคิดดีๆมาเผยแพร่ไปมากมายทั่วทุกมุมโลก ในหลากหลายหัวข้อตั้งแต่ด้านวิทยาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ สังคมวิทยาและอื่นๆ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่างๆเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง ผ่านการพูดภายใต้คำขวัญที่ว่า “ ความคิดที่ควรค่าแก่การเผยแพร่ ( Ideas Worth Spreading ) ” ถือเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก หากใครต้องการเรียนภาษาอังกฤษผ่านการฟังTED Talks สามารถเข้าร่วมโครงการ “ ฝึกการฟัง เพิ่มพลังการพูดผ่านTED Talks ” ของโครงการเยาวชนอีซีอี.ฯ ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านทางแอปพลิเคชั่นมือถือ Learn English with TED Talks ร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อการสื่อสารได้จริงในแบบฉบับอีซีอี. ผ่านห้องเรียนออนไลน์ ในแอปพลิเคชั่น Learning English with TED talks

           จะมีระดับภาษาตั้งแต่ระดับ Pre-Intermediate (ระดับกลางตอนต้น) , Intermediate (ระดับกลาง) , Upper Intermediate (ระดับกลางตอนปลาย) และ Advanced (ระดับสูง) แต่ละคลิปจะมีคำศัพท์ที่น่าสนใจ แบบฝึกหัดหลักไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้อง แบบฝึกหัดสำหรับฝึกพูดทั้งก่อนและหลังดูคลิป และในขณะดูคลิปจะมีซับภาษาอังกฤษให้เห็นว่าผู้พูดกำลังพูดว่าอะไร ทำให้เราสามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้โดยง่าย การเรียนรู้ด้วยการดูคลิป TED Talks บ่อยๆนอกจากเราจะได้ฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษ รวมถึงเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆแล้ว ยังได้ความรู้ และแรงบันดาลใจจากคลิปเหล่านั้นอีกด้วย

5. ดู Youtube Channel ที่สอนภาษาอังกฤษ

          การเรียนภาษาอังกฤษผ่านการดู Youtube Channel ที่สอนภาษาอังกฤษ เป็นวิธีที่เข้าถึงง่ายเพราะปัจจุบันเราจะใช้ Youtube ในการค้นหาวิดิโอต่างๆที่ต้องการ และช่องที่สอนภาษาอังกฤษฟรีผ่าน Youtube มีมากมายหลายช่อง เช่น รายการ Eng Abroad ที่ช่อง ECEThailand ที่จะมีคลิปสอนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มากสำหรับน้องๆที่จะเดินทางไปแลกเปลี่ยนหรือไปเรียนต่างประเทศ สามารถนำบทสนทนาต่างๆจากรายการไปพูดคุยกับชาวต่างชาติได้ในหลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่ การเจอ Host Family ครั้งแรก การชวน Host Family คุย การถามสภาพอากาศ หรือหากต้องการจะทำอาหารไทยให้ Host Family ลองทานจะต้องพูดว่าอย่างไร ผู้ที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศสามารถนำประโยคจากรายการ Eng Abroad ไปใช้ได้จริง นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับการดูคลิปวิดิโอที่น่าสนใจแล้ว ยังทำให้เราได้ความรู้ภาษาอังกฤษมากมายที่นำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

6. การเข้าร่วมห้องทอล์คใน Clubhouse

          การร่วมเข้าไปฟังและพูดคุยใน Clubhouse เป็นอีกพื้นที่สำหรับคนที่ต้องการฝึกพูดภาษาอังกฤษเพราะจะมีห้องทอล์คภาษาอังกฤษต่างๆ เช่น English Talking Space หรือบางครั้ง Club ECE Thailand ก็จะมีเปิดห้องชวนพูดภาษาอังกฤษ ทุกคนสามารถเข้าร่วมฟังและพูดคุยกันได้เพื่อเป็นการฝึกทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง การเข้าร่วมห้องทอล์คใน Clubhouse สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ การฝึกพูดภาษาอังกฤษเรื่อยๆจะทำให้เราคุ้นชินกับประโยคและได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆเยอะขึ้น หากใครสนใจเข้าร่วมห้องทอล์ค Clubhouse ของ ECE สามารถค้นหาได้โดยพิมพ์ @ECEThailand ห้องทอล์คหลังของ ECE มีชื่อว่า“ เมืองนอกสตอรี่ ” เป็นห้องที่ให้ความรู้ อัพเดตข่าวสาร การแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมต่างประเทศ รวมถึงการแชร์ประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในต่างประเทศจากประสบการณ์ 27 ปี ของ ECE ให้กับผู้เข้าร่วมทุกคนได้ฟัง สอบถาม หรือร่วมแชร์ประสบการณ์ไปพร้อมกันอีกด้วย

ผู้เขียน นางสาวเจษฎ์สิตา อิสริยาเรืองกุล (เจน)
เยาวชน ECE รุ่นที่ 45 ประเทศนิวซีแลนด์ และ ECX รุ่นที่ 1